ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Punica granatum L. var. granatum
ทับทิม ภาคเหนือของไทยเรียกทับทิมว่า หมากจัง และบะก๊อ ภาคอีสารเรียกว่า บักพิลา มีชื่อสามัญว่า Pomegranate รากศัพท์เดิมมาจากภาษาละตินคำว่า pomum granatum ซึ่งแปลว่า แอปเปิลที่มีเมล็ดมาก ซื่อวิทยาศาสตร์ว่า Punica granatum L. var. granatum
ชาวเชียงใหม่และภาคเหนือทั่วไปเรียก มะก้อ ชาวน่านเรียก มะก่องแก้ว ชาวแม่ฮ่องสอนเรียก หมากจัง ชาวหนองคาย และภาคตะวันออกเฉียงเหนือส่วนใหญ่เรียก พิลา ชาวจีนเรียก เซี๊ยะลิ้ว ชาวสเปนเรียก Granada ส่วนชาวอินเดียเรียก Darim
ทับทิมเป็นไม้พุ่ม ขนาดกลาง สูงประมาณ 4-6 เมตร ทรงพุ่มโปร่ง มีหนามแหลมตามกิ่งก้าน ใบเดี่ยวขนาดเล็ก รูปใบยาวปลายแหลม ยาว 3-4 เซนติเมตร ดอกสีแดงหรือสีขาว ผล ค่อนข้างกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 6-10 เซนติเมตร เมื่อแก่จัดเปลือกผลสีเหลืองอมแดงหรือน้ำตาลอมส้ม ผิวมักแตกออกเห็นเมล็ดใสอยู่ภายในมากมาย เมล็ดมีเนื้อใสสีแดงหรือสีชมพูหุ้มอยู่แยกแต่ละเมล็ด เนื้อทับทิมมีน้ำมาก รสหวานหรือเปรี้ยวอมหวาน
ส่วนที่เรียกทับทิมหนูเป็นทับทิมเช่นกันแต่ ต่างสายพันธุ์ สูงเต็มที่ไม่เกิน 120 เซนติเมตร มีดอกสีแดงตลอดปี นิยมปลูกเป็นไม้ประดับ ทับทิม มีถิ่นกำเนิดบริเวณรอยต่อของเอเชียตะวันตกกับตอนบนของเอเชียใต้ คือบริเวณตะวันออกของประเทศอิหร่าน ทางตอนใต้ของอัฟกานิสถานและทางตอนเหนือของเทือกเขาหิมาลัย ทับทิมคงเป็นพืชที่ได้รับความนิยมมากว่าพันปีแล้ว จึงมีการปลูกแพร่กระจายออกไปทั้งในเขตร้อน (tropical) และกึ่งร้อน (Sub-tropical) ของทวีปเอเชีย ยุโรป รวมทั้งในทวีปแอฟริกาด้วย ทับทิม มีบทบาทอย่างมากในตำนานต่างๆ ของหลายประเทศ เป็นสัญลักษณ์ของการเกิด ความสามารถในการเจริญพันธุ์ ชีวิตชั่วนิรันดร์ และความตาย เพราะทับทิมมีเมล็ดมากมาย ชาวกรีกใช้ทับทิมใน งานแต่งงานเป็นสัญลักษณ์ของการดำรงเผ่าพันธุ์ ชาวยิวถือ ว่าทับทิมเป็นผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ ชาวฮินดูเชื่อ ว่า ทับทิมเป็นผลไม้โปรดของพระพิฆเณศจึงนิยมนำผลทับทิมไปถวาย และใช้ดอกทับทิม บวงสรวงบูชาพระอาทิตย์ พระนารายณ์ และเทวีลักษมี อีกด้วย ชาว จีน ถือว่าต้นทับทิมเป็นไม้มงคลโดยเฉพาะทับทิมชนิดดอกสีขาวและเป็นสัญลักษณ์แห่ง ความอุดมสมบูรณ์ ความมีลูกหลานมากมายเนื่องจากผลทับทิมมีเมล็ดมาก กิ่งใบทับทิมเป็นไม้มงคลที่ใช้ทุกงาน มีการปักยอดทับทิมไว้ที่สิ่งของเซ่นไหว้เจ้า ใช้พรมน้ำมนต์และมีไว้ติดตัวเพื่อคุ้มครองกันภัย ทับทิมมีเมล็ดมาก จึงสื่อนัยถึงการมีบุตรชายหลายคน ในพิธีแต่งงานชาวจีนจะปักยอดทับทิมไว้ที่ผมเจ้าสาว และให้ผลทับทิมเป็นของขวัญแก่บ่าวสาว นอกจากนี้ชาวจีนยังมีความเชื่อ ว่า ใบหรือกิ่งทับทิมมีอำนาจไล่ภูตผีปีศาจได้ จึงนิยมปลูกทับทิมไว้บริเวณบ้านและใช้ใบทับทิมแช่น้ำล้างหน้า ล้างมือ หลังกลับจากงานศพเพื่อมิให้วิญญาณติดตามเข้ามาในบ้าน
ส่วนชาวญี่ปุ่น เชื่อว่า เด็กที่กินผลทับทิมจะปลอดภัยจากภูตผีปีศาจทั้งปวง ทับทิม ชอบอากาศหนาว ถ้าอยู่ในที่อากาศหนาวเนื้อทับทิมจะมีสีแดงเข้มมากขึ้น คงจะตอบคำถามของผู้อ่านได้แล้วว่าทำไมทับทิมจากประเทศจีนจึงมีเมล็ด สีแดงสวยงาม
คุณค่าทางโภชนาการและสรรพคุณ: เมล็ดทับทิมเป็น ผลไม้มีรส หวานหรือเปรี้ยวอมหวาน น้ำคั้นจากเมล็ดทับทิมมีกลิ่นหอมชวนดื่ม ประกอบด้วยน้ำตาลและกรดที่เป็นประโยชน์ รวม ถึงวิตามินเอ ซี อี ธาตุเหล็ก แคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นธาตุสำคัญที่ร่างกายต้องการ
ทับทิมถูกใช้เป็นยาพื้นบ้านของชาวอิหร่านและอินเดียมาแต่โบราณ น้ำต้มเปลือกทับทิมใช้แก้เจ็บคอ ยาพอกจากใบใช้พอกหนังศีรษะลดอาการผมร่วง น้ำคั้นเมล็ดทับทิมใช้ลดความร้อนในร่างกาย เชื่อว่าช่วยล้างระบบต่างๆ ของร่างกายและเหมาะสำหรับสตรีมีครรภ์อีกด้วย ชาวอาหรับใช้เปลือกรากทับทิมสดๆ ต้มน้ำ ดื่มถ่ายพยาธิตัวตืด เปลือกจากลำต้นทับทิม ต้มน้ำใช้ถ่ายพยาธิชนิดต่างๆ ร่วมกับยาถ่าย ใช้เปลือกผลทับทิมผสมกานพลูและฝิ่นรักษาโรคบิดและท้องร่วงอย่างแรง ชาวอินเดียใช้น้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกทับทิม ปรุงยาธาตุ ใช้สมานลำไส้ และแก้ท้องเสีย เมล็ดทับทิมใช้บำรุงหัวใจ ประเทศไทย แพทย์แผนโบราณใช้ทับทิมทั้งต้นหรือที่เรียกทับทิมทั้งห้าเป็นยาระบาย หรือถ่ายพยาธิเส้นด้ายและตัวตืด
เปลือก ราก และเปลือกต้นมีฤทธิ์ฝาดสมาน ใช้ถ่ายพยาธิตัวตืด พยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย ใบ ใช้ สมานแผล แก้ท้องร่วง น้ำต้มใบใช้อมกลั้วคอ ทำยาล้างตา ดอก ใช้ห้ามเลือด เปลือกผลใช้สมาน แผล แก้บิด แก้ท้องร่วง ส่วนเนื้อหุ้มเมล็ด มีวิตามินซีสูงแก้โรคลักปิดลักเปิด และใช้แก้กระหายน้ำ |
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น